หลักการทำงานของ AFM

กล้องจุลทรรศน์แรงอะตอม (Atomic Force Microscopy: AFM) ถือได้ว่าเป็นเทคนิคกล้องจุลทรรศน์ที่มีความหลากหลายและทรงพลังที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ในระดับนาโน ความหลากหลายของมันอยู่ที่ความสามารถไม่เพียงแต่ในการจับภาพภูมิประเทศแบบสามมิติเท่านั้น แต่ยังสามารถทำการวัดคุณสมบัติผิวในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวางตามความต้องการของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรอีกด้วย นอกจากนี้ AFM ยังมีความสามารถสูงเป็นพิเศษ โดยสามารถให้ความละเอียดในระดับอะตอมด้วยความแม่นยำของความสูงในระดับแองสตรอม ทั้งหมดนี้โดยแทบไม่ต้องเตรียมตัวอย่างมากนัก

แต่กล้อง AFM ทำงานอย่างไร?
ในหน้านี้ เราจะอธิบายหลักการทำงานของ AFM ผ่านวิดีโอแอนิเมชันที่เข้าใจได้ง่าย เราหวังว่าทรัพยากรนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ โปรดแบ่งปันให้ผู้อื่นหรือสามารถติดต่อเราหากมีคำถามใด ๆ ได้เลย!

 

 

 

โลกแห่งนาโน
คำนำหน้า “นาโน” มาจากภาษากรีกที่แปลว่า “แคระ” หมายถึงขนาดระดับสิบยกกำลังลบเก้า หรือหนึ่งในพันล้าน ส่วนของเมตร หนึ่งนาโนเมตร (nm) คือระยะเพียงหนึ่งในพันล้านของเมตร — ซึ่งเป็นขอบเขตที่แรงระหว่างโมเลกุลและปรากฏการณ์ควอนตัมมีอิทธิพลครอบงำ

เพื่อให้เห็นภาพของระดับขนาดนี้ ลองจินตนาการว่า “อะตอมเมื่อเทียบกับแอปเปิล” ก็มีสัดส่วนใกล้เคียงกับ “แอปเปิลเมื่อเทียบกับโลก” นั่นเอง!
กล้องจุลทรรศน์แรงอะตอม (Atomic Force Microscopy: AFM) คือกุญแจที่เปิดประตูสู่โลกที่มองไม่เห็นนี้ ทำให้เราสามารถสำรวจและควบคุมสสารในระดับนาโนได้อย่างแท้จริง

พื้นฐานการทำงานของกล้องจุลทรรศน์แรงอะตอม (AFM)
1. การตรวจจับพื้นผิว (Surface Sensing)
กล้อง AFM ทำการสแกนตัวอย่างโดยใช้ปลายหัวแหลมที่ติดตั้งอยู่บนคานงอ (cantilever) ที่มีความยืดหยุ่น เมื่อปลายหัวแหลมเข้าใกล้พื้นผิวของตัวอย่าง จะเกิดแรงต่าง ๆ ดังนี้

· แรงดึงดูด (Attractive forces) เช่น แรงแวนเดอร์วาลส์ (van der Waals) และแรงไฟฟ้าสถิต (electrostatic forces) จะดึงคานงอลงด้านล่าง
· เมื่อปลายหัวแหลมสัมผัสกับพื้นผิว แรงผลัก (repulsive forces) จะมีอิทธิพลมากกว่า ทำให้คานงอโค้งงอขึ้นด้านบน

สมดุลอันละเอียดอ่อนระหว่างแรงดึงดูดและแรงผลักนี้เอง ที่ทำให้กล้อง AFM สามารถตรวจวัดพื้นผิวได้อย่างแม่นยำสูงสุดในระดับอะตอม

2. วิธีการตรวจจับ (Detection Method)
ลำแสงเลเซอร์จะสะท้อนจากคานงอ (cantilever) ไปยังตัวตรวจจับแสงแบบไวต่อการเปลี่ยนตำแหน่ง (Position-Sensitive Photodetector: PSPD) แม้การโก่งตัวของคานงอเพียงระดับนาโนก็สามารถเปลี่ยนทิศทางของลำแสงเลเซอร์ได้ ทำให้ PSPD สามารถตรวจจับและติดตามการเปลี่ยนแปลงได้ดังนี้

· ความแตกต่างของความสูง (Height variations / Topography)
· การมีปฏิสัมพันธ์ของแรง (Force interactions) เช่น แรงเชิงกล (Mechanical), แรงไฟฟ้า (Electrical) และแรงแม่เหล็ก (Magnetic)

3. กลไกการสร้างภาพ (Imaging Mechanism)
กล้อง AFM จะสร้างภาพโดยการสแกนปลายหัวแหลมไปทั่วพื้นผิวของตัวอย่าง พร้อมทั้งควบคุมให้แรงระหว่างปลายหัวแหลมกับตัวอย่างคงที่อยู่เสมอ (ผ่านระบบควบคุมแบบป้อนกลับ – feedback control) ผลลัพธ์คือแผนที่ภูมิประเทศสามมิติ (3D topographic map) ที่มีคุณสมบัติดังนี้

· ความละเอียดระดับอะตอม (Atomic-level resolution) ด้วยความแม่นยำต่ำกว่า 1 นาโนเมตร (sub-nanometer precision)
· ข้อมูลเชิงปริมาณแบบเรียลไทม์ (Real-time quantitative data) เช่น ค่าการยึดเกาะ (adhesion), ความแข็งหรือความยืดหยุ่น (stiffness), และการนำไฟฟ้า (conductivity)

Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy